แม้ซูเปอร์คัพจะมักถูกมองว่าเป็นเกมโชว์โฉมช่วงปลายซัมเมอร์มากกว่าจะวัดศักยภาพจริง แต่แฟรงค์มองว่านี่คือโอกาสสำคัญที่จะสร้างความประทับใจแรกให้แฟนบอลและสื่อ หลังสเปอร์สคว้าแชมป์ยูโรปาลีกเมื่อเดือนพฤษภาคม แม้ผลงานในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลก่อนจะย่ำแย่ก็ตาม

สภาพทีมและความท้าทาย
สเปอร์สเจอปัญหาใหญ่ในแนวรุก หลังเสีย ซน ฮึง-มิน พร้อมเจ็บหนักทั้ง เจมส์ แมดดิสัน และ เดยัน คูลูเซฟสกี้ ทำให้ต้องพึ่งพาความแน่นแฟ้นในทีมและหัวใจนักสู้แบบที่เคยเอาชนะอาร์เซนอลในเกมอุ่นเครื่องที่สิงคโปร์ คริสเตียน โรเมโร กัปตันทีมคนใหม่จะมีบทบาทสำคัญในการปลุกเร้าทีม

ผู้รักษาประตู กุลเยลโม่ วิคาริโอ เผยความภูมิใจที่ได้ลงเล่นในบ้านเกิดเมืองอูดิเน และบอกว่าทีม “ได้ลิ้มรสความรู้สึกแห่งชัยชนะระดับสูงมาแล้ว และต้องการสัมผัสอีกครั้ง” พร้อมเปิดเผยถึงแผนการเล่นที่เปลี่ยนไปภายใต้แฟรงค์ ที่จะเน้นปรับตามสถานการณ์ บางครั้งเล่นจากหลังขึ้นหน้า บางครั้งเปิดยาวทันที

เบน เดวีส์ เสริมว่าทีมจะมีแผนการเล่นหลากหลายขึ้น ต่างจากยุค อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่เน้นสไตล์ตายตัว

คู่แข่งและจังหวะที่อาจได้เปรียบ

PSG เพิ่งกลับมาซ้อมเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังเสร็จศึกสโมสรโลกที่พ่ายเชลซี ทำให้สภาพความฟิตอาจยังไม่เต็มที่ ขณะที่สเปอร์สได้เริ่มปรีซีซั่นตั้งแต่ต้นกรกฎาคม อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดในเกมนี้

แผนเสริมทัพต่อเนื่อง
หลังเกมนี้ แฟรงค์ยังต้องเร่งเสริมแนวรุก โดยมีเป้าหมายอย่าง เอเบเรชี เอเซ และ ซาวินโญ อยู่ในลิสต์ ซึ่งหากปิดดีลสำเร็จจะช่วยแก้ปัญหาในแดนหน้าได้อย่างมาก

แม้จะเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่ซูเปอร์คัพครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของ “ยุคใหม่” ในถิ่นสเปอร์ส และแฟรงค์ย้ำว่า “เวลาที่เหมาะสมคือเดี๋ยวนี้ เราต้องพร้อม”